March 01, 2011

บทเรียนจากอดีต ถึง ปัจจุบัน


ตัวอย่างพิบัติภัยในอดีตซึ่งปรากฏในคัมภีร์อัล-กุรอาน
ที่มา:อะมะตุ้ลญะลิ้ล

          ย้อนถอยหลังกลับไปเมื่อคราวอุทกภัยครั้งใหญ่ที่สุดของโลก คือในสมัยศาสดานูฮ (Noah) (หลังจากศาสดาอาดัม 10ช่วงบรรพบุรุษ หรือประมาณ 4,000 ปีก่อนคริสตกาล) ด้วยเหตุผลอันใดที่ทำให้ประชาชาติของท่านต้องจมอยู่ใต้ผืนน้ำ ที่ทะลักออกมาจากแผ่นดินและแผ่นฟ้า ภายหลังการยืนหยัดอดทนของท่านในการเรียกร้องเชิญชวนผู้คนสู่การสักการะต่อพระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวตลอดช่วงอายุ 950 ปี นับจากการแต่งตั้งเป็นศาสดา แต่มีผู้เชื่อฟังท่านเพียง 80 คน      
 
บทเรียนจากอดีต ถึง ปัจจุบัน 
          ภาพในอดีตไม่ได้ห่างไกลเกินไปที่เราจะเทียบเคียงกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน   ยุคที่ผู้คนหลงอยู่กับอำนาจของวัตถุจนจิตใจขึ้นสนิม ศีลธรรมคุณธรรมกลายเป็นเรื่องแปลกและล้าสมัย การกอบโกยเพื่อประโยชน์ของตนโดยไม่คำนึงถึงความชอบธรรมกลายเป็นความเคยชิน ความยุติธรรมเหลือเพียงแต่ชื่อ พิบัติภัยจึงส่อเค้าอยู่รำไร ตราบใดที่ความสำนึกต่อการกระทำยังไม่สามารถทะลายสนิมที่เกาะกุมหัวใจมนุษย์       
          ท่านศาสดามุฮัมหมัด(ขอพระเจ้าทรงประทานพรและความศานติแก่ท่าน)ศาสดาท่านสุดท้ายของอิสลาม ได้แจ้งให้เราทราบล่วงหน้าถึงยุคสมัยแห่งความสับสนวุ่นวายนี้ 
โดยท่านกล่าวไว้ว่า  ยุคสุดท้ายของประชาชาตินี้จะเกิดธรณีสูบ แผ่นดินถล่ม และแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง 
ท่านหญิงอาอีชะฮฺ(ภรรยาท่านศาสดา) ถามขึ้นว่า พวกเราจะล่มจมทั้งๆที่ยังมีคนดีๆอยู่ด้วยกระนั้นหรือ?"
ท่านศาสดาตอบว่า ใช่แล้ว เมื่อความชั่วปรากฏขึ้นเต็มไปหมด
ท่านศาสดายังได้กล่าวไว้ในทำนองเดียวกันว่า ในประชาชาตินี้จะถูกลงโทษด้วยการถูกธรณีสูบ ถูกสาป และถูกฟ้าผ่า
ชายคนหนึ่งถามขึ้นว่า "ท่านศาสนฑูตของอัลลอฮ เหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้นเมื่อใดกัน?"
ท่านศาสดาตอบว่า “ เมื่อมีหญิงบริการ เครื่องดนตรี และการดื่มสุราเสพสิ่งมึนเมาปรากฏเป็นที่แพร่หลาย     
(บันทึกโดยติรมีซียฺ อิบนิอบิดดุนยา อะฮฺมัดและอัฏฏ๊อบรอนียฺ) 
          นี่เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งจากคำเตือนของศาสดาเมื่อกว่า1,400 ปีมาแล้ว เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นภายหลังจากสมัยของท่าน ดังกล่าวนี้ ไม่ใช่คำทำนาย ไม่ใช่การพยากรณ์ แต่เป็นข้อเท็จจริง ที่สำหรับผู้เป็นมุสลิมแล้วต้องเชื่อมั่นว่าทุกสิ่งที่มาจากท่านศาสดาคือความจริง ซึ่งในปัจจุบันหลากหลายเหตุการณ์ได้ปรากฏให้เห็นตรงตามที่ท่านกล่าวเตือนไว้ทุกประการ
 ความส่งท้าย           
         แม้เวลาจะล่วงผ่านมาหลายสิบศตวรรษ แต่หากเราใช้สติปัญญาใคร่ครวญ เราจะเห็นว่าความเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนหน้าแผ่นดินล้วนมีสาเหตุมาจากสิ่งที่เกิดขึ้นโดยน้ำมือมนุษย์ทั้งสิ้น ไม่เพียงแค่ภาวะทางกายภาพเท่านั้นที่ทำให้แผ่นดินเจ็บป่วย แต่พฤติกรรมของเจ้าของหัวใจที่มีสนิมเกาะกุมก็เป็นการเพิ่มน้ำหนักเป็นเท่าทวีคูณแก่การแบกรับของแผ่นดินเช่นกัน  
กระแสสังคมสามารถฉุดผู้คนให้เติบโตขึ้นได้ฉันใด กระแสสังคมก็ฉุดผู้คนให้ตกต่ำลงได้ฉันนั้น จะมีประโยชน์อันใดหากเรามุ่งพัฒนาศักยภาพจักรกลเพื่อตอบสนองความโลภ เพื่อส่งเสริมมนุษย์ให้หน้ามืดตามัวบูชาวัตถุ ขณะที่ศักยภาพของบุคคลกลับยิ่งจมดิ่ง ขาดการปฏิรูปฟื้นฟู  
ภาวะที่โลกกำลังประสบอยู่ทุกวันนี้ ไม่เพียงพออีกหรือที่จะเตือนให้ปัญญาชนได้ตระหนักถึงการกระทำของตัวเอง หรือต้องรอจนกว่าจะเปิดประตูออกมาพบมหันตภัยลูกใหญ่อยู่ตรงหน้า ฟ้าเปลี่ยนสีและแผ่นดินสีเปลี่ยนเสียก่อนจึงจะสำนึก ??       
"พวกเขามิได้ท่องเที่ยวไปตามแผ่นดินดอกหรือ แล้วพิจารณาดูว่า บั้นปลายของประชาชาติในยุคก่อนหน้าพวกเขาเป็นเช่นใด"   [อัล-กุรอาน30:9]


No comments:

Post a Comment